ในขณะที่ยอดจำหน่ายนมวัวแดงมีมากถึง 600 ล้านกล่อง/เดือน ผลผลิตไม่เพียงพอต่อความ ต้องการของผู้บริโภค แต่จากปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น ส่งผลให้การจัดการน้ำนมดิบที่รับซื้อมาจากเกษตรกรอยู่ในภาวะล้นตลาด เนื่องจากตัวแทนจำหน่ายนมวัวแดงของ อ.ส.ค. ไม่สามารถส่งนมกล่องไปถึงผู้บริโภคได้ตามความต้องการ เลยทำให้นมกล่องมีความเสี่ยงต่อการค้างสต๊อกสูง และอาจจะส่งผลกระทบต่อการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร
นายนพดล ตันวิเชียร รองผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) บอกว่า เพื่อแก้ปัญหาที่อาจจะมีผลกระทบต่อเกษตรกรในโครงการ และกระทบต่อเป้าหมายที่ทาง อ.ส.ค.ได้วางไว้ว่าปีนี้จะทำให้นมกล่องมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีก 10% แต่เอาเข้าจริงกลับเติบโตได้เพียง 3-5% ดังนั้นเพื่อให้นมไทยเดนมาร์คเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลได้มากขึ้น ทาง อ.ส.ค. จึงได้จัดกิจกรรม ไทย-เดนมาร์ค Sales Blitz จัดส่งรถนมของ อ.ส.ค. ให้บริการส่งนมตามร้านค้าต่างๆอย่างทั่วถึงสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ร้านค้าว่า วัวแดงมีนมส่งร้านค้าได้ตามต้องการตลอดเวลา
นอกจากนี้ เพื่อรองรับความต้องการของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั้งในบ้านเรา รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเวียดนาม ลาว พม่า มาเลเซีย จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดโครงการเร่งพัฒนาน้ำเชื้อแช่แข็งพ่อโค เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมภูมิประเทศในบ้านเราและภูมิภาคอาเซียน ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการเข้ามาสั่งซื้อพันธุ์โคนมบ้านเรามากขึ้น จนทำให้ราคาซื้อขายวัวนมเริ่มขยับตัวสูงขึ้น
ส่วนที่หลายคนมีความกังวลเกรงว่า ประเทศเพื่อนบ้านจะสามารถพัฒนาการเลี้ยงโคนมให้เทียบเท่าหรือดีกว่าบ้านเราได้นั้น นายนพดล กล่าวว่า ไม่ต้องห่วงเพราะการเลี้ยงโคนมต้องใช้ระยะเวลา ไม่ง่าย-เร็วเหมือนการปลูกพืช อย่างบ้านเรากว่ากลุ่มผู้บริโภคจะให้การยอมรับซื้อนมวัวแดงจนสามารถส่งออกไปได้นั้น ต้องใช้เวลาพัฒนา การเลี้ยงระบบการผลิตนานถึง 52 ปี ดังนั้นวันนี้จึงยังไม่น่าห่วงว่าประเทศเพื่อนบ้านเราจะเป็นคู่แข่ง
ที่มา:https://www.thairath.co.th